ประวัติ
ข้าพเจ้า พระมหาเพชร เขมทตฺโต (ทรัพย์สมบัติ) เกิดวันจันทร์ที่ 9 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2519 ปีมะโรง ณ บ้านคลองยางงาม ตำบลซับน้อย อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ข้าพเจ้าเป็นบุตรคนที่ 4 ช่วงปีพุทธศักราช 2519 ทางครอบครัวได้เข้ามาปลักหลักฐานทำมาหากินที่อำเภอวิเชียรบุรี จุดตรงนี้อาจเป็นเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้ารูปเดียวเกิดมาก็เป็นโรคไข้สมองอังเสบจึงมีร่างกายพิการมาตั้งแต่เด็ก หรืออาจเป็นเพราะกรรมเก่าที่ติดตัวข้าพเจ้ามาก็ได้
การศึกษา
ช่วงปีพุทธศักราช 2526-2531 ข้าพเจ้าเข้าเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนใจประสงค์ศึกษา ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ก็อยู่ภายในหมู่บ้าน ข้าพเจ้าเดินไปโรงเรียนแต่เช้า เพื่อทำเวรประจำวัน อาทิ ทำความสะอาดห้องเรียน รดน้ำต้นไม้ และเข้าสู่ชั้นมัธยมศึกษา ณ โรงเรียนวังพิกุลพิทยาคม ระหว่างปีพุทธศักราช 2532-2535 ในช่วงนี้มีบรรยากาศน่าประทับใจมาก ๆ กล่าวคือ ข้าพเจ้าปั่นจักรยานไปเรียน/ปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยระยะทาง 10-15 กิโลเมตร เมื่อถึงฤดูฝนถนนหนทางเต็มไปด้วยโคลนตม ต้องออกเดินทางแต่เช้า เพื่อให้ทันโรงเรียน บางวันก็ไปไม่ถึงโรงเรียน เพราะถนนหนทางไม่ดี และมาถึงช่วงวิกฤตการณ์ของข้าพเจ้าเลยทีเดียว เพราะเป็นครั้งแรกที่ใช้ชีวิตผจญภัยในต่างแดน ช่วงระหว่างปี 2536 - 25441 ได้มาเล่าเรียนในระดับชั้น ปวช. ณ โรงเรียนเทคโนภาคเหนือ หรือ โรงเรียนไทยสุริยะ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ และ ปวส. ณ วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ เข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี (อิเลคทรอนิกส์) ในปี พ.ศ. 2542-2543 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
ครั้นข้าพเจ้าได้บรรพชาอุปสมบทได้เข้าศึกษาทางธรรม โดยจบนักธรรมชั้นเอก ปี พ.ศ. 2551 และจบเปรียญธรรม ๓ ประโยค (ป.ธ. ๓) ปีพุทธศักราช 2553 จากสำนักเรียนวัดพระบรมธาตุ จังหวัดกำแพงเพชร ในขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าก็จบการศึกษาในระดับปริญญาโท (รัฐประศาสนศาสตร์) ในปีพุทธศักราช 2556 จาก วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์
หน้าที่การงาน
หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ก็เดินทางไปหางานทำ หน่วยงานใด ๆ ก็ไม่รับเราเข้าทำงาน ด้วยเหตุที่ว่า เรามีร่างกายไม่สมประกอบ และประสบการณ์การทำงานยังไม่มี โชคดีที่ยังมีหน่วยงานหนึ่งที่มีความประสงค์จะรับคนพิการเข้าทำงาน ข้าพเจ้าได้รับสิทธิ์นั้น ช่วงนั้นข้าพเจ้าตื่นเต้นมากมาก ได้ทำงานครั้งแรก ทำงานอยู่พักหนึ่งแล้วเขาก็บีบเราออกจากงาน โดยได้รับเงินเดือนเท่าเดิม อีกทั้งให้เราไปเรียนเสริมช่วงเย็น ที่โรงเรียนแสงทอง ซึ่งห่างจากที่พักมาก ๆ ค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ เราจึงต้องออกจากงาน
เมื่อกลับมาอยู่บ้านเกิด ใช่ว่าจะอยู่เฉย ๆ ข้าพเจ้าก็ทำไร่ ทำนา ขับรถ และหลาย ๆอย่าง ทำเท่าที่ทำได้ ตามสภาพร่างกายของเราจะเอื้ออำนวย พ่อและแม่ก็ไม่ว่าอย่างไร ทำได้ก็ทำ ทำไม่ไหวก็พัก
ข้าพเจ้าได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ณ วัดพุช้างล้วง ตำบลห้วยหอม อำเภอตาลี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งหลาย ๆ คน ก็ถามว่า อ้าว...ทำไมไม่บวชตามวัดที่บ้าน ทำไม...มาบวชพระไกลจัง...เพราะความที่ข้าพเจ้ามีร่างกายพิการ คิดว่าจะบวชไม่นาน ขอบวชแค่ 7 วันก็พอ ครั้นบวชแล้ว พระพี่เลี้ยงก็คอยห่มผ้าให้ พอถึงวันที่ 6 พระพี่เลี้ยงก็บอกว่า เราควรกิจวัตรให้ครบ 10 อย่าง พระพี่เลี้ยงจึงพาข้าพเจ้าไปเข้าปริวาสกรรมตามที่ต่าง ๆ และในป่าปริวาสกรรมนี้เอง ทำให้ข้าพเจ้าครองผ้าจีวรเองได้ และได้เรียนได้รู้อะไรอีกมากในปริวาสกรรม และแล้วก็จำพรรษาแรก (พ.ศ. 2548) ที่วัดพุช้างล้วง ตั้งแต่พรรษาที่ 2 ถึงพรรษาที่ 16 ข้าพเจ้ามาศึกษาเล่าเรียน ณ วัดพระบรมธาตุ จังหวัดกำแพงเพชร และที่นี่เอง ปี พ.ศ. 2549 - พ.ศ. 2559 ข้าพเจ้าได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยเลขานุการวัดพระบรมธาตุ ตั้งแต่ พ.ศ. 2559-ปัจจุบัน รับตำแหน่งเลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอเมืองกำแพงเพชร พ.ศ.2560 -ถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเลขานุการวัดพระบรมธาตุ ตามลำดับ
อนึ่ง ข้าพเจ้ามีความสามารถพิเศษทางด้านคอมพิวเตอร์ งานกราฟฟิค การทำป้าย การดีไซน์ การออกแบบ การขับรถยนต์
